Differences between revisions 1 and 6 (spanning 5 versions)
Revision 1 as of 2008-11-19 11:04:09
Size: 10218
Comment:
Revision 6 as of 2009-05-19 19:30:56
Size: 12735
Editor: localhost
Comment: converted to 1.6 markup
Deletions are marked like this. Additions are marked like this.
Line 3: Line 3:
''(หน้านี้เป็นหน้าที่ 2 จาก 9 ของ[:Tutorial:บทเรียน]การใช้งาน Mercurial หน้าก่อนหน้าคือ [:ThaiTutorialClone], หน้าถัดไปคือ [:ThaiTutorialFirstChange])'' ''(บทนี้เป็นบทที่ 3 จาก 9 บทของ [[ThaiTutorial|บทเรียนการใช้งาน Mercurial]] บทก่อนหน้าคือ [[ThaiTutorialClone|ทำสำเนา repository ที่มีอยู่]], บทถัดไปคือ [[ThaiTutorialFirstChange|ทำการแก้ไขแรกของคุณ]])''
Line 5: Line 5:
หลังจากที่เราได้ทำตามขั้นตอนใน ThaiTutorialClone เราก็จะมีสำเนาส่วนตัวของ repository ในเครื่องตัวเองชื่อ {{{my-hello}}} หลังจากที่เราได้ทำตามขั้นตอนในบท [[ThaiTutorialClone|ทำสำเนา repository ที่มีอยู่]] เราก็จะมีสำเนาของ repository ในเครื่องตัวเองชื่อ {{{my-hello}}}
Line 7: Line 7:
ลองมาดูกันว่า [:Repository:repository] นี้มีประวัติการแก้ไขอะไรบ้างกัน เราสามารถดูประวัติได้โดยใช้คำสั่ง {{{log}}} ซึ่งจะพิมพ์สรุปการแก้ไขทุกๆอันที่เกิดขึ้นใน repository โดยเริ่มแสดงจากการแก้ไขล่าสุดไปจนถึงการแก้ไขแรก ลองมาดูกันว่า [[Repository|repository]] นี้มีประวัติการแก้ไขอะไรบ้างกัน เราสามารถดูประวัติได้โดยใช้คำสั่ง {{{log}}} ซึ่งจะพิมพ์สรุปการแก้ไขทุกครั้งที่เกิดขึ้นใน repository โดยเริ่มแสดงจากการแก้ไขครั้งล่าสุดไปจนถึงการแก้ไขครั้งแรก
Line 24: Line 24:
เราลองมาทำความเข้าใจแต่ละบรรทัดของผลลัพธ์กัน เราลองมาทำความเข้าใจความหมายของแต่ละบรรทัดกัน
Line 26: Line 26:
 * ย่อหน้าแต่ละย่อหน้าอธิบายเกี่ยวกับ [:ChangeSet:changeset] หนึ่ง โดย changeset คือการแก้ไขไฟล์ต่างๆที่ถูกจัดกลุ่มเป็นกลุ่มเดียวกัน
   * ในตัวอย่างด้านบน เราจะเห็นได้ว่าประวัติของ repository ประกอบไปด้วยสอง changesets
 * {{{changeset}}} ระบุเลขที่ changeset
   * ตัวเลข
แรกก่อนเครื่องหมาย : คือ[:RevisionNumber:ตัวเลข revision]; เป็นตัวเลขสั้นๆที่ใช้ระบุ changeset ใดๆ ตัวเลขนี้มีความหมายเฉพาะสำหรับ repository นี้เท่านั้น
   * ตัวเลขที่เป็นเลขฐาน 16 หลังเครื่องหมาย : เป็นรูปแบบสั้น (short-form) ของ [:ChangeSetID:changeset ID]; ตัวเลขนี้เป็นตัวแทนของ changeset นี้นทกๆ repository ที่มี changeset นี้ ถ้าคุณต้องพูดถึง changeset ใดกับคนอื่นๆ ให้ใช้เลข changeset ID แทนที่จะใช้ตัวเลข revision
 * {{{tag}}} คือ[:Tag:ป้ายกำกับ] ซึ่งเป็นชื่อที่มีความหมายหรับ changeset
   * คุณสามารถสร้างป้ายก
กับได้มากกว่าหนึ่งป้ายสหรับ changeset ใดๆ จรงๆแล้วคงมีไม่กี่ changeset ที่มีป้ายกำกับติดตัว เพราะฉะนั้นคุณคงไม่ค่อยเห็นบรรทัด {{{tag}}} บ่อยนัก
   * ป้ายกำกับพิเศษที่ชื่อ {{{tip}}} เป็นป้ายที่ระบุ[:Tip:ปลาย]ของ repository ซึ่งก็คือ changeset ล่าสุดใน repository เสมอ ถ้าคุณสร้าง changeset ใหม่ (ซึ่งเรากำลังจะทำในอีกแป๊ปเดียว) ป้ายกำกับ {{{tip}}} จะถูกลบออกจาก changeset ล่าสุดและไปเพิ่มที่ changeset ใหม่ที่เราเพิ่งสร้างแทน
 * {{{user}}} บอกว่าใครเป็นคนสร้าง changeset ค่านี้ไม่มีรูปแบบตายตัว แต่โดยปกติจะเป็นอีเมล์ และบางครั้งก็มีชื่อผู้สร้างด้วย
 * {{{date}}} บอกว่า changeset นี้ถูกสร้างเมื่อไร Mercurial จะพิมพ์วันที่โดยใช้เขตเวลาที่ผู้สร้าง changeset อยู่
 * {{{summary}}} เป็นบรรทัดแรกของคำอธิบาย changeset คำอธิบายนี้จะถูกใส่โดยผู้สร้าง changeset เวลาที่พวกเค้าสร้าง เพื่อบอกคนอื่นว่าเค้าได้แก้ไขอะไรไปบ้าง และแก้ไขเพราะอะไร (ลองดู ["ChangeSetComments"])
 * {{{parent}}} บอกว่า changeset ไหนเป็น [:Parent:บรรพบุรุษ] ของ changeset นี้ ถ้ามีบรรพบุรุษมากกว่าหนึ่งนั่นก็หมายความว่า changeset นี้ถูก[:Merge:รวม] จากการแก้ไขในหลายๆ repository
   * โดยปกติแล้ว changeset จะมีบรรพบุรุษแค่อันเดียวนั้นก็คือ changeset ก่อนหน้า อย่างที่เห็นได้ในตัวอย่างด้านบน
 * ย่อหน้าแต่ละย่อหน้าในผลลัพธ์อธิบายเกี่ยวกับ[[ChangeSet|เซ็ตการแก้ไข]]แต่ละเซ็ต เซ็ตการแก้ไขก็คือการจัดกลุ่มไฟล์ต่างๆที่ถูกแก้ไขให้เป็นกลุ่มเดียวเวลาคอมมิท
   * ในตัวอย่างด้านบน repository มีประวัติการแก้ไขสองครั้ง (สองเซ็ตการแก้ไข)
 * {{{
changeset}}} เป็นเลขที่หรือรหัสที่ใช้เพื่อระบุเซ็ตการแก้ไขนั้นๆ
   * ตัวเลขตัวแรกก่อนเครื่องหมาย : คือ[[RevisionNumber|ครั้งที่แก้ไข]] เป็นตัวเลขสั้นๆที่ใช้ระบุเซ็ตการแก้ไขใดๆ ตัวเลขนี้จะมีความหมายเฉพาะสำหรับ repository นี้เท่านั้น
   * ตัวเลขฐาน 16 หลังเครื่องหมาย : เป็นรูปแบบย่อ (short-form) ของ[[ChangeSetID|รหัสประจำเซ็ตการแก้ไข]]; ตัวเลขนี้ใช้เพื่อระบเซ็ตการแก้ไขนี้ใน repository ใดก็ตามที่มีเซ็ตการแก้ไขนี้อยู่ ถ้าคุณต้องพูดถึงเซ็ตการแก้ไขกับคนอื่นๆให้ใช้รหัสประจำเซ็ตการแก้ไขแทนที่จะใช้ตัวเลขครั้งที่แก้ไข
 * {{{tag}}} คือ[[Tag|ป้ายกำกับ]]ซึ่งเป็นชื่อที่มีความหมายของเซ็ตการแก้ไข
   * เราสามารถสร้างป้ายก
กับได้มากกว่าหนึ่งป้ายสหรับเซ็ตการแก้ไข จริงๆแล้วคงมีไม่กี่เซ็ตที่มีป้ายกกับตดตัวเพราะฉะนั้นคุณคงไม่ค่อยเห็นบรรทัด {{{tag}}} นี้บ่อยนัก
   * ป้ายกำกับพิเศษที่ชื่อ {{{tip}}} เป็นป้ายที่ระบุ[[Tip|ส่วนปลาย]]ของ repository (ที่เป็นเซ็ตการแก้ไขล่าสุดใน repository เสมอ) ถ้าคุณสร้างเซ็ตการแก้ไขใหม่ (ซึ่งเรากำลังจะทำในอีกแป๊ปเดียว) ป้ายกำกับ {{{tip}}} จะถูกลบออกจากเซ็ตการแก้ไขล่าสุดและถูกเพิ่มที่เซ็ตการแก้ไขใหม่ที่เราเพิ่งสร้างแทน
 * {{{user}}} บอกว่าใครเป็นคนสร้างเซ็ตการแก้ไขนี้ ค่านี้ไม่มีรูปแบบตายตัว แต่โดยปกติจะเป็นอีเมล์และบางครั้งก็มีชื่อผู้สร้างด้วย
 * {{{date}}} บอกว่าเซ็ตการแก้ไขนี้ถูกสร้างเมื่อไร Mercurial จะพิมพ์วันที่โดยใช้เขตเวลาที่ผู้สร้างเซ็ตการแก้ไขอยู่
 * {{{summary}}} เป็นบรรทัดแรกของคำอธิบายของเซ็ตการแก้ไข คำอธิบายนี้จะถูกใส่โดยผู้สร้างเซ็ตการแก้ไขตอนคอมมิทเพื่อบอกคนอื่นว่าเค้าได้แก้ไขอะไรไปบ้าง และแก้ไขเพราะอะไร (ลองดู [[ChangeSetComments]])
 * {{{parent}}} บอกว่าเซ็ตการแก้ไขไหนเป็น[[Parent|บรรพบุรุษ]]ของเซ็ตการแก้ไขนี้ ถ้ามีบรรพบุรุษมากกว่าหนึ่งนั่นก็หมายความว่าเซ็ตการแก้ไขนี้ถูก[[Merge|รวม]]จากส่วนยอดของ repository มากกว่าหนึ่งอัน
   * โดยปกติแล้วเซ็ตการแก้ไขจะมีบรรพบุรุษแค่อันเดียวนั้นก็คือเซ็ตการแก้ไขก่อนหน้า อย่างที่เห็นได้ในตัวอย่างด้านบน
Line 70: Line 70:
ผลลัพธ์แบบะเียดนี้มีฟิลด์เพิ่มขึ้นมาอีกสองสามอัน ผลลัพธ์จากตัวเก {{{-v}}} มีฟิลด์เพิ่มขึ้นมาอีกสองสามอัน
Line 72: Line 72:
 * {{{files}}} บอกว่าไฟล์ไหนถูกแก้ไขบ้างใน changeset นี้  * {{{files}}} บอกว่าไฟล์ไหนถูกแก้ไขบ้างในเซ็ตการแก้ไขนี้
Line 74: Line 74:
   * ในตัวอย่างด้านบน เนื่องจากว่าคำอธิบายยาวแค่บรรทัดเดียว เพราะฉะนั้นเราจะไม่เห็นความแตกต่างเวลาใช้ตัวเลือกนี้    * ในตัวอย่างด้านบน เนื่องจากว่าคำอธิบายยาวแค่บรรทัดเดียวเราจะไม่เห็นความแตกต่างเวลาใช้ตัวเลือกนี้
Line 77: Line 77:
The `--debug` output adds the following fields to the verbose output (see also [:DebuggingFeatures]): ผลลัพธ์จากตัวเลือก `--debug` จะแสดงฟิลด์เหล่านี้เพิ่ม (ลองดู [[DebuggingFeatures]]):
Line 79: Line 79:
 * {{{changeset}}} now gives the unabbreviated changeset ID.
 * two {{{parent}}} fields giving the changeset ID of both parents for this changeset, where {{{-1:0000000000000000000000000000000000000000}}} refers to a non-existant parent.
 * {{{manifest}}} gives the [:Manifest:manifest] ID for this changeset.
 * {{{file+}}} lists the file(s) added in this changeset.
 * {{{file-}}} lists the file(s) removed in this changeset.
 * {{{changeset}}} จะแสดงรหัสประจำเซ็ตการแก้ไขแบบเต็ม
 * ฟิลด์ {{{parent}}} สองอันสำหรับระบุรหัสประจำเซ็ตการแก้ไขของบรรพบุรุษทั้งสองของเซ็ตการแก้ไขนี้ รหัส {{{-1:0000000000000000000000000000000000000000}}} จะแทนค่ากรณีที่ไม่มีบรรพบุรุษ
 * {{{manifest}}} แสดง[[Manifest|รหัส manifest]] สำหรับเซ็ตการแก้ไขนี้
 * {{{file+}}} แสดงไฟล์ที่ถูกเพิ่มใหม่ในเซ็ตการแก้ไขนี้
 * {{{file-}}} แสดงไฟล์ที่ถูกลบออกในเซ็ตการแก้ไขนี้
Line 86: Line 86:
The {{{log}}} command comes with a {{{-r}}} option to view specific changesets. คำสั่ง {{{log}}} มาพร้อมกับตัวเลือก {{{-r}}} สำหรับดูรายละเอียดของเซ็ตการแก้ไขโดยเจาะจง
Line 97: Line 97:
<!> The {{{-r}}} option actually supports a very flexible syntax to select a range of changesets. However, due to limited number of changesets available in our sample repository, we are unable to provide a good demonstration. Please consult the [http://www.selenic.com/mercurial/hg.1.html#log manpage] for more information. <!> ตัวเลือก {{{-r}}} สนับสนุน syntax มากมายสำหรับเลือกช่วงของเซ็ตการแก้ไขที่เราต้องการดู แต่เนื่องจากเรามีการแก้ไขแค่ 2 ครั้งในตัวอย่างเราจึงไม่สามารถแสดงวิธีการใช้ตัวเลือกต่างๆได้มากนัก ลองอ่าน [[http://www.selenic.com/mercurial/hg.1.html#log|manpage]] เพิ่มเติมดู
Line 99: Line 99:
The {{{log}}} command also comes with a {{{-p}}} option to show the patches associated with the changesets: นอกจากนั้นก็ยังมีตัวเลือก {{{-p}}} ที่มาพร้อมกับคำสั่ง {{{log}}} สำหรับแสดง patch ของเซ็ตการแก้ไข:
Line 116: Line 116:
We can also use the {{{tip}}} command to show info of the ''tip'', i.e. the latest, changeset. The {{{tip}}} command may be considered a shortcut to {{{log -r tip}}}. เราสามารถใช้คำสั่ง {{{tip}}} เพื่อแสดงรายละเอียดของส่วนปลายของ repository คิดซะว่าคำสั่ง {{{tip}}} เป็นทางลัดสำหรับคำสั่ง {{{log -r tip}}} ก็ได้
Line 134: Line 134:
Now that we have some slight idea of what has happened, let's jump in and make some changes! Onwards, to [:TutorialFirstChange]! ตอนนี้เราพอจะมีไอเดียบ้างแล้วว่า repository มีความเป็นมายังไง ถึงเวลาที่จะ[[ThaiTutorialFirstChange|ทำการแก้ไขแรก]]แล้ว!
Line 138: Line 138:
CategoryThai

บทเรียน - ดูประวัติการแก้ไขใน repository

(บทนี้เป็นบทที่ 3 จาก 9 บทของ บทเรียนการใช้งาน Mercurial บทก่อนหน้าคือ ทำสำเนา repository ที่มีอยู่, บทถัดไปคือ ทำการแก้ไขแรกของคุณ)

หลังจากที่เราได้ทำตามขั้นตอนในบท ทำสำเนา repository ที่มีอยู่ เราก็จะมีสำเนาของ repository ในเครื่องตัวเองชื่อ my-hello

ลองมาดูกันว่า repository นี้มีประวัติการแก้ไขอะไรบ้างกัน เราสามารถดูประวัติได้โดยใช้คำสั่ง log ซึ่งจะพิมพ์สรุปการแก้ไขทุกครั้งที่เกิดขึ้นใน repository โดยเริ่มแสดงจากการแก้ไขครั้งล่าสุดไปจนถึงการแก้ไขครั้งแรก

$ cd my-hello
$ hg log
changeset:   1:82e55d328c8c
tag:         tip
user:        mpm@selenic.com
date:        Fri Aug 26 01:21:28 2005 -0700
summary:     Create a makefile

changeset:   0:0a04b987be5a
user:        mpm@selenic.com
date:        Fri Aug 26 01:20:50 2005 -0700
summary:     Create a standard "hello, world" program

เราลองมาทำความเข้าใจความหมายของแต่ละบรรทัดกัน

  • ย่อหน้าแต่ละย่อหน้าในผลลัพธ์อธิบายเกี่ยวกับเซ็ตการแก้ไขแต่ละเซ็ต เซ็ตการแก้ไขก็คือการจัดกลุ่มไฟล์ต่างๆที่ถูกแก้ไขให้เป็นกลุ่มเดียวเวลาคอมมิท

    • ในตัวอย่างด้านบน repository มีประวัติการแก้ไขสองครั้ง (สองเซ็ตการแก้ไข)
  • changeset เป็นเลขที่หรือรหัสที่ใช้เพื่อระบุเซ็ตการแก้ไขนั้นๆ

    • ตัวเลขตัวแรกก่อนเครื่องหมาย : คือครั้งที่แก้ไข เป็นตัวเลขสั้นๆที่ใช้ระบุเซ็ตการแก้ไขใดๆ ตัวเลขนี้จะมีความหมายเฉพาะสำหรับ repository นี้เท่านั้น

    • ตัวเลขฐาน 16 หลังเครื่องหมาย : เป็นรูปแบบย่อ (short-form) ของรหัสประจำเซ็ตการแก้ไข; ตัวเลขนี้ใช้เพื่อระบุเซ็ตการแก้ไขนี้ใน repository ใดก็ตามที่มีเซ็ตการแก้ไขนี้อยู่ ถ้าคุณต้องพูดถึงเซ็ตการแก้ไขกับคนอื่นๆให้ใช้รหัสประจำเซ็ตการแก้ไขแทนที่จะใช้ตัวเลขครั้งที่แก้ไข

  • tag คือป้ายกำกับซึ่งเป็นชื่อที่มีความหมายของเซ็ตการแก้ไข

    • เราสามารถสร้างป้ายกำกับได้มากกว่าหนึ่งป้ายสำหรับเซ็ตการแก้ไข จริงๆแล้วคงมีไม่กี่เซ็ตที่มีป้ายกำกับติดตัวเพราะฉะนั้นคุณคงไม่ค่อยเห็นบรรทัด tag นี้บ่อยนัก

    • ป้ายกำกับพิเศษที่ชื่อ tip เป็นป้ายที่ระบุส่วนปลายของ repository (ที่เป็นเซ็ตการแก้ไขล่าสุดใน repository เสมอ) ถ้าคุณสร้างเซ็ตการแก้ไขใหม่ (ซึ่งเรากำลังจะทำในอีกแป๊ปเดียว) ป้ายกำกับ tip จะถูกลบออกจากเซ็ตการแก้ไขล่าสุดและถูกเพิ่มที่เซ็ตการแก้ไขใหม่ที่เราเพิ่งสร้างแทน

  • user บอกว่าใครเป็นคนสร้างเซ็ตการแก้ไขนี้ ค่านี้ไม่มีรูปแบบตายตัว แต่โดยปกติจะเป็นอีเมล์และบางครั้งก็มีชื่อผู้สร้างด้วย

  • date บอกว่าเซ็ตการแก้ไขนี้ถูกสร้างเมื่อไร Mercurial จะพิมพ์วันที่โดยใช้เขตเวลาที่ผู้สร้างเซ็ตการแก้ไขอยู่

  • summary เป็นบรรทัดแรกของคำอธิบายของเซ็ตการแก้ไข คำอธิบายนี้จะถูกใส่โดยผู้สร้างเซ็ตการแก้ไขตอนคอมมิทเพื่อบอกคนอื่นว่าเค้าได้แก้ไขอะไรไปบ้าง และแก้ไขเพราะอะไร (ลองดู ChangeSetComments)

  • parent บอกว่าเซ็ตการแก้ไขไหนเป็นบรรพบุรุษของเซ็ตการแก้ไขนี้ ถ้ามีบรรพบุรุษมากกว่าหนึ่งนั่นก็หมายความว่าเซ็ตการแก้ไขนี้ถูกรวมจากส่วนยอดของ repository มากกว่าหนึ่งอัน

    • โดยปกติแล้วเซ็ตการแก้ไขจะมีบรรพบุรุษแค่อันเดียวนั้นก็คือเซ็ตการแก้ไขก่อนหน้า อย่างที่เห็นได้ในตัวอย่างด้านบน

เราสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้โดยขอให้ Mercurial พิมพ์ผลลัพธ์มากหน่อยผ่านตัวเลือก -v หรือจะใช้ตัวเลือก --debug ที่มีผลในระดับ global กับทุกๆคำสั่งก็ได้:

$ hg log -v
changeset:   1:82e55d328c8c
tag:         tip
user:        mpm@selenic.com
date:        Fri Aug 26 01:21:28 2005 -0700
files:       Makefile
description:
Create a makefile

(...)

$ hg log --debug
changeset:   1:82e55d328c8ca4ee16520036c0aaace03a5beb65
tag:         tip
parent:      0:0a04b987be5ae354b710cefeba0e2d9de7ad41a9
parent:      -1:0000000000000000000000000000000000000000
manifest:    1:0c7c1d435e6703e03ac6634a7c32da3a082d1600
user:        mpm@selenic.com
date:        Fri Aug 26 01:21:28 2005 -0700
files+:      Makefile
extra:       branch=default
description:
Create a makefile

(...)

ผลลัพธ์จากตัวเลือก -v มีฟิลด์เพิ่มขึ้นมาอีกสองสามอัน

  • files บอกว่าไฟล์ไหนถูกแก้ไขบ้างในเซ็ตการแก้ไขนี้

  • description แสดงคำอธิบายทั้งหมด (ไม่ใช่แค่บรรทัดแรก)

    • ในตัวอย่างด้านบน เนื่องจากว่าคำอธิบายยาวแค่บรรทัดเดียวเราจะไม่เห็นความแตกต่างเวลาใช้ตัวเลือกนี้

ผลลัพธ์จากตัวเลือก --debug จะแสดงฟิลด์เหล่านี้เพิ่ม (ลองดู DebuggingFeatures):

  • changeset จะแสดงรหัสประจำเซ็ตการแก้ไขแบบเต็ม

  • ฟิลด์ parent สองอันสำหรับระบุรหัสประจำเซ็ตการแก้ไขของบรรพบุรุษทั้งสองของเซ็ตการแก้ไขนี้ รหัส -1:0000000000000000000000000000000000000000 จะแทนค่ากรณีที่ไม่มีบรรพบุรุษ

  • manifest แสดงรหัส manifest สำหรับเซ็ตการแก้ไขนี้

  • file+ แสดงไฟล์ที่ถูกเพิ่มใหม่ในเซ็ตการแก้ไขนี้

  • file- แสดงไฟล์ที่ถูกลบออกในเซ็ตการแก้ไขนี้

คำสั่ง log มาพร้อมกับตัวเลือก -r สำหรับดูรายละเอียดของเซ็ตการแก้ไขโดยเจาะจง

$ hg log -r1
changeset:   1:82e55d328c8c
tag:         tip
user:        mpm@selenic.com
date:        Fri Aug 26 01:21:28 2005 -0700
summary:     Create a makefile

<!> ตัวเลือก -r สนับสนุน syntax มากมายสำหรับเลือกช่วงของเซ็ตการแก้ไขที่เราต้องการดู แต่เนื่องจากเรามีการแก้ไขแค่ 2 ครั้งในตัวอย่างเราจึงไม่สามารถแสดงวิธีการใช้ตัวเลือกต่างๆได้มากนัก ลองอ่าน manpage เพิ่มเติมดู

นอกจากนั้นก็ยังมีตัวเลือก -p ที่มาพร้อมกับคำสั่ง log สำหรับแสดง patch ของเซ็ตการแก้ไข:

$ hg log -r1 -p
changeset:   1:82e55d328c8c
tag:         tip
user:        mpm@selenic.com
date:        Fri Aug 26 01:21:28 2005 -0700
summary:     Create a makefile

diff -r 0a04b987be5a -r 82e55d328c8c Makefile
--- /dev/null   Fri Aug 26 01:20:50 2005 -0700
+++ b/Makefile  Fri Aug 26 01:21:28 2005 -0700
@@ -0,0 +1,1 @@
+all: hello

เราสามารถใช้คำสั่ง tip เพื่อแสดงรายละเอียดของส่วนปลายของ repository คิดซะว่าคำสั่ง tip เป็นทางลัดสำหรับคำสั่ง log -r tip ก็ได้

$ hg tip
changeset:   1:82e55d328c8c
tag:         tip
user:        mpm@selenic.com
date:        Fri Aug 26 01:21:28 2005 -0700
summary:     Create a makefile

$ hg log -r tip
changeset:   1:82e55d328c8c
tag:         tip
user:        mpm@selenic.com
date:        Fri Aug 26 01:21:28 2005 -0700
summary:     Create a makefile

ตอนนี้เราพอจะมีไอเดียบ้างแล้วว่า repository มีความเป็นมายังไง ถึงเวลาที่จะทำการแก้ไขแรกแล้ว!


CategoryTutorial CategoryThai

ThaiTutorialHistory (last edited 2009-05-19 19:30:56 by localhost)